วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรื่องสมมุติ

หลายครั้งที่มานั่งคิดและคุยกับตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่มนุษย์เราได้สมมุติขึ้นมา ผมคิดว่าหลายๆคนคงเคยคิดอย่างผม อย่างเช่นเงินที่เราใช้อยู่ทุกวันเพื่อการแลกเปลี่ยน เป็นสิ่งสมมุติทั้งนั้น

หลายๆคนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งสมุมติ และแน่นอน รวมถึงตัวผมด้วย แต่ผมขอชื่นชมคนที่เขาคิดขึ้นมานี้ฉลาดนะครับ เพราะทำให้คนอื่นยอมรับได้

รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆ เช่น วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อต่างๆ แล้วบางอย่างคนก็ทำๆตามกันมาอย่างไม่มีเหตุผล ตรงนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเดี๋ยวโดนเขาว่าเอา =="

หลังจากเห็นอะไรผ่านมาบ้างในชีวิต ก็ทำให้รู้สึกว่าสิ่งสมมุติเหล่านี้มันก็สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน เพื่อความสุขหรือเพื่อให้มีอะไรแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมาในชีวิตเท่านั้น บางทียิ่งทำก็ยิ่งสิ้นเปลืองเข้าไปอีก สรุปง่ายๆคือว่าตอนนี้ผมมองสิ่งต่างๆที่มนุษย์ได้กำหนดหรือนิยามขึ้นมาว่าเป็นเรื่องสมมติ จบแบบ งง งง

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทฤษฎีต้นทุนชีวิต

พอดีได้มีโอกาสไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนที่ต่างจังหวัด ก็ถามไถ่ทุกข์สุขกันทั่วไป แต่พอดีก็มีการเข้าประเด็นเกี่ยวกับต้นทุนชีวิต ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก

เพราะคนเราแต่ละคนมีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน บางคนเกิดมามีทุนทุกด้าน บางคนมีบ้าง ไม่มีบ้าง หรือแทบจะไม่มีเลย ผมก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่มีต้นทุนชีวิตอยู่ระดับกลาง

บางอย่างมี บางอย่างต้องไขว่ขว้าเอา

พอพูดถึงเรื่องต้นทุนชีวิต มันก็อดคิดโยงกับเรื่องของความสุขไม่ได้ บางคนมีงานทำ มีต้นทุนชีวิตที่ดี แต่กลับไม่มีความสุข แต่กับอีกบางคน ต้นทุนชีวิตแทบไม่มี ต้องตะเกียกตะกายหางานทำ แต่เขากลับมีความสุขกับชีวิตของเขา

แต่บางทีต้นทุนของความสุขก็อาจจะต่างกันด้วยก็ได้ แต่ถึงยังไงก็ขอให้ทุกๆคนมีความสุขในสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันนะครับ

บางสิ่งบางอย่างอาจจะมีเหตุผลในตัวของมันเองก็ได้ มันถึงได้เป็นอย่างนี้

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คุณยาย กับ ลูกอม

หลังจากมีแต่เนื้อหาเรื่องวิชาการมาระดับหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็หามาจาก internet ทั่วไปน่ะแหละครับ
search ไม่นานก็ได้แล้ว ก็เลยคิดจะนำเสนอเนื้อหาแนวอื่นๆบ้าง

เข้าเรื่องดีกว่า บังเอิญไปเทรน basic network แถวๆลาดพร้าว เทรนเสร็จประมาณบ่าง 4 โมง
เราก็มารอรถตู้เพื่อจะกลับบ้านไปรอเตรียมดูบอลโลกระหว่าง เยอรมัน - อุรุกวัย ระหว่างที่เดินไปรอรถ ก็ได้เจอกับ
คุณยายท่านหนึ่งนั่งขายลูกอมอยู่ระหว่างทาง อายุแกก็มากเหมือนกัน แต่เท่าที่ดูคุณยายแกคงไม่เหลือใครที่จะมาดูแล
ท่านเลยต้องมานั่งขายลูกอมเพื่อที่จะนำเงินที่ได้มาปะทังชีวิตในวันต่อไป ซึ่งจากภาพที่เห็นผมต้องยอมรับว่า
ครั้งแรกผมเดินผ่านครับ เพราะส่วนใหญ่ผมจะประมาณว่าอารมณ์สงสาร แต่ไม่เข้าไปช่วยสนับสนุน แต่หลังจากวินาทีนั้นมันเหมือนมีอะไรมาฉุดความคิดผม
ให้ต้องเดินกลับไปช่วยอุดหนุนคุณยายแกหน่อย ก็เลยเข้าไปซื้อลูกอมมาสองห่อ ห่อหนึ่งมีลูกอม 6 เม็ด ราคา 10 บาท ซึ่งผมมองว่า เงินจำนวน 20 บาท
ที่ผมจ่ายไป มันไม่ลำบากสำหรับผมมากนั้น และจำนวนเงิน 20 บาทนั้นมันคงมีค่าสำหรับคุณยายมาก

หลังจากที่ได้ช่วยอุดหนุนคุณยาย มันทำให้ผมมีความสุขเหมือนเราได้ช่วยเหลือสังคม ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งเล็กๆ
สำหรับเรา แล้วสิ่งที่คุณยายทำนั้นมันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป เพราะคุณยายท่านพยายามหาทางเลี้ยงชีพด้วยตนเอง
ถึงแม้จะไม่มีใคร แต่ท่านยังสู้ ความลำบากของผมมันเป็นเพียงเศษเล็กๆของท่านเท่านั้นเอง

บางทีสิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้ มันก็ให้แง่คิดที่มากมายมหาศาลสำหรับผมเหมือนกัน.... ^^