วันนี้ วันที่ 5 พ.ค. 2554 จะเป็นอีกวันที่จะบันทึกไว้ว่า ผมจะจริงจังกับตัวเองแล้ว จะรักตัวเองบ้างแล้ว หลังจากที่ทำทุกอย่างเพื่ออีกคน โดยไม่เคยเป็นห่วงตัวเองเลย เบื่อที่จะตาม เบื่อที่จะคิดไปเอง เบื่อที่จะคิดมาก ในเรื่องที่มันงี่เง่า เบื่อที่จะเป็น ควายเผือก!!!!!
ตอนนี้เราต้องสร้างเป้าหมายให้ตัวเองบ้างแล้ว ความอดทนบางครั้งมันก็มีวันสิ้นสุดเหมือนกันนะโว๊ย!!!!!!! คอยดูแล้วกัน จะทำให้ได้ภายในอีกห้าปีนี้
วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554
คนที่ใช่ มักจะมาในเวลาที่ "ใช่"
คิดว่าหลายๆคนพยายามที่จะค้นหาในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันใช่ โดยเฉพาะการที่จะเจอใคร "สักคน" ที่เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป (น้ำเน่ามากมาย XP) ผมเคยคุยกับใครบางคนที่ผมเคยคิดว่าเค้าใช่ แต่.... สุดท้ายเราก็จากกัน เสียใจบ้างอะไรบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
ล่าสุดผมได้คุยกับคนๆนึง บทสรุปอ่ะเหรอ เหมือนเดิมครับ พระเอกแห้ว... แต่มีคำนึงที่เขาได้บอกกับผมไว้ "ผมมาผิดเวลา!!!" มันเป็นคำพูดที่จี๊ดเข้ามาในสมองทันที แล้วก็กลับมานั่งคิดว่าสิ่งที่เขาบอกกับผมนั้น มันผิดจริงๆเหรอ... และแล้วผมก็ได้คำตอบนั้น คือคนเราถ้าเกิดจะหาคำพูดอะไรสักอย่างเพื่อที่จะไม่ขอให้อีกคนมายุ่งหรือวุ่นวายมากกว่านี้ เขาก็พูดได้หมดแหละครับ และวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้โทรศัพท์หาเค้า
หลายๆคนเชื่อในโชคชะตา บลา บลา เกี่ยวกับความรัก ส่วนผมจะพยายามเชื่อว่า สักวัน..... คนที่เขาใช่ จะเข้ามาในเวลาที่........"ใช่" สำหรับผม
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ และหลายๆคนที่พยายามช่วยเหลือผมในเรื่องความรัก แต่สุดท้าย........ ผมไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ขอโทษด้วยครับ
ล่าสุดผมได้คุยกับคนๆนึง บทสรุปอ่ะเหรอ เหมือนเดิมครับ พระเอกแห้ว... แต่มีคำนึงที่เขาได้บอกกับผมไว้ "ผมมาผิดเวลา!!!" มันเป็นคำพูดที่จี๊ดเข้ามาในสมองทันที แล้วก็กลับมานั่งคิดว่าสิ่งที่เขาบอกกับผมนั้น มันผิดจริงๆเหรอ... และแล้วผมก็ได้คำตอบนั้น คือคนเราถ้าเกิดจะหาคำพูดอะไรสักอย่างเพื่อที่จะไม่ขอให้อีกคนมายุ่งหรือวุ่นวายมากกว่านี้ เขาก็พูดได้หมดแหละครับ และวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้โทรศัพท์หาเค้า
หลายๆคนเชื่อในโชคชะตา บลา บลา เกี่ยวกับความรัก ส่วนผมจะพยายามเชื่อว่า สักวัน..... คนที่เขาใช่ จะเข้ามาในเวลาที่........"ใช่" สำหรับผม
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ และหลายๆคนที่พยายามช่วยเหลือผมในเรื่องความรัก แต่สุดท้าย........ ผมไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ขอโทษด้วยครับ
วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554
Phoenix Reborn !!!
กลับมาอีกแล้วกับผม นานเท่าไหร่แล้วนี่ไม่ได้อัพบล็อก ทำยังกับมีคนมาติดตามฮ่าๆ
ผมชอบตำนานนกฟีนิกซ์ตรงที่ว่ามันเป็นนกที่สามารถชุบชีวิตคนอื่นได้ (อ่านตำราไหนมาไม่รู้) รวมถึงตัวมันเองด้วย ถ้าเกิดเปรียบกับตัวผม ผมชอบที่จะให้กำลังใจคนอื่น อยากทำให้เขาตื่นจากโลกแห่งความฝัน รวมถึงตัวผมเองด้วย มีหลายครั้งที่ตัวผมเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีกำลังใจ ไม่มีทางออก แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เพื่อน,พ่อแม่,ครอบครัว,บทความดีๆตามอินเตอร์เนต
ล่าสุดน่ะเหรอ? ผมไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว ไร้ซึ่งความคิด ซึ่งปัญหามันเกิดจากการที่ผมคาดหวังกับคนๆหนึ่งมากเกินไป จนมันไม่ใช่ตัวของผมเอง ผมแทบจะบ้าตายเพราะใครก็ไม่รู้ที่เราเพิ่งรู้จักกันเพียงแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้ว เหมือนการที่ผมได้เป็นคนใหม่ ผมคนเดิมได้ตายไปหลายรอบแล้ว ทุกครั้งที่ผมเกิดใหม่จะมีบทเรียนที่ต้องจดจำทุกครั้ง และผมจะจดจำมันไว้ตลอดไป
ช่วงนี้อายุใกล้ 25 แล้ว อีกไม่กี่วัน ตื่นเต้นๆๆ ฮ่าๆ ยังไงผมก็จะตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะอะไรไม่รู้ ผมก็อยากรู้เหมือนกันใครเป็นคนที่เริ่มคนแรกว่าอายุ 25 จะเจอเรื่องไม่ดี
มีเรื่องอีกมากมายที่จะเขียน แต่พอได้โอกาสมาเขียนมันก็ไม่รู้จะเริ่มเรื่องไหนดีนี่ แค่นี้ก่อนแล้วกัน... สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทย
ผมชอบตำนานนกฟีนิกซ์ตรงที่ว่ามันเป็นนกที่สามารถชุบชีวิตคนอื่นได้ (อ่านตำราไหนมาไม่รู้) รวมถึงตัวมันเองด้วย ถ้าเกิดเปรียบกับตัวผม ผมชอบที่จะให้กำลังใจคนอื่น อยากทำให้เขาตื่นจากโลกแห่งความฝัน รวมถึงตัวผมเองด้วย มีหลายครั้งที่ตัวผมเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีกำลังใจ ไม่มีทางออก แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เพื่อน,พ่อแม่,ครอบครัว,บทความดีๆตามอินเตอร์เนต
ล่าสุดน่ะเหรอ? ผมไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว ไร้ซึ่งความคิด ซึ่งปัญหามันเกิดจากการที่ผมคาดหวังกับคนๆหนึ่งมากเกินไป จนมันไม่ใช่ตัวของผมเอง ผมแทบจะบ้าตายเพราะใครก็ไม่รู้ที่เราเพิ่งรู้จักกันเพียงแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้ว เหมือนการที่ผมได้เป็นคนใหม่ ผมคนเดิมได้ตายไปหลายรอบแล้ว ทุกครั้งที่ผมเกิดใหม่จะมีบทเรียนที่ต้องจดจำทุกครั้ง และผมจะจดจำมันไว้ตลอดไป
ช่วงนี้อายุใกล้ 25 แล้ว อีกไม่กี่วัน ตื่นเต้นๆๆ ฮ่าๆ ยังไงผมก็จะตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะอะไรไม่รู้ ผมก็อยากรู้เหมือนกันใครเป็นคนที่เริ่มคนแรกว่าอายุ 25 จะเจอเรื่องไม่ดี
มีเรื่องอีกมากมายที่จะเขียน แต่พอได้โอกาสมาเขียนมันก็ไม่รู้จะเริ่มเรื่องไหนดีนี่ แค่นี้ก่อนแล้วกัน... สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทย
วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554
ปีใหม่อีกแล้ว สวัสดี ปี 2554
เมื่อถึงช่วงปีใหม่ หลายๆคนจะนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง มีความสุข ทุกข์ กับอะไรมาบ้าง และพร้อมที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆกับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
และช่วงปีใหม่เหมือนเป็นวันที่เราจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว ญาติพี่น้องที่บ้าน ซึ่งนานๆทีจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากัน
สำหรับผม ปีใหม่ได้กลับไปเจอเพื่อนๆสมัยมัธยม รู้สึกว่าเวลาทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่เพื่อนๆทุกๆคนยังมีนิสัยสมัยเรียนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก
ปีใหม่ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ผมสนุกมาก เพราะได้นับถอยหลังกับเพื่อนที่บ้าน และได้ทำสถิติใหม่ซึ่งไม่ดีนัก คือกินเหล้าข้ามปี หลังจากเคย นอน เล่นเกมส์ นั่งเล่นกับเพื่อนข้ามปีมาแล้ว สงสัยต้องหาอะไรใหม่ๆทำบ้าง เดี๋ยวเอาเป็นกินข้ามปีดีกว่า
สำหรับปีนี้ มันคงเป็นอีกปีที่ผมต้องเริ่มอะไรใหม่ๆ งานใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ แนวคิดใหม่ๆ
แต่ถึงอย่างไรแล้วปีใหม่นี้ก็อยากเห็นพี่น้องชาวไทยมีความสงบสุขกันทุกๆคน
และช่วงปีใหม่เหมือนเป็นวันที่เราจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว ญาติพี่น้องที่บ้าน ซึ่งนานๆทีจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากัน
สำหรับผม ปีใหม่ได้กลับไปเจอเพื่อนๆสมัยมัธยม รู้สึกว่าเวลาทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่เพื่อนๆทุกๆคนยังมีนิสัยสมัยเรียนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก
ปีใหม่ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ผมสนุกมาก เพราะได้นับถอยหลังกับเพื่อนที่บ้าน และได้ทำสถิติใหม่ซึ่งไม่ดีนัก คือกินเหล้าข้ามปี หลังจากเคย นอน เล่นเกมส์ นั่งเล่นกับเพื่อนข้ามปีมาแล้ว สงสัยต้องหาอะไรใหม่ๆทำบ้าง เดี๋ยวเอาเป็นกินข้ามปีดีกว่า
สำหรับปีนี้ มันคงเป็นอีกปีที่ผมต้องเริ่มอะไรใหม่ๆ งานใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ แนวคิดใหม่ๆ
แต่ถึงอย่างไรแล้วปีใหม่นี้ก็อยากเห็นพี่น้องชาวไทยมีความสงบสุขกันทุกๆคน
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553
เรื่องสมมุติ
หลายครั้งที่มานั่งคิดและคุยกับตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่มนุษย์เราได้สมมุติขึ้นมา ผมคิดว่าหลายๆคนคงเคยคิดอย่างผม อย่างเช่นเงินที่เราใช้อยู่ทุกวันเพื่อการแลกเปลี่ยน เป็นสิ่งสมมุติทั้งนั้น
หลายๆคนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งสมุมติ และแน่นอน รวมถึงตัวผมด้วย แต่ผมขอชื่นชมคนที่เขาคิดขึ้นมานี้ฉลาดนะครับ เพราะทำให้คนอื่นยอมรับได้
รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆ เช่น วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อต่างๆ แล้วบางอย่างคนก็ทำๆตามกันมาอย่างไม่มีเหตุผล ตรงนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเดี๋ยวโดนเขาว่าเอา =="
หลังจากเห็นอะไรผ่านมาบ้างในชีวิต ก็ทำให้รู้สึกว่าสิ่งสมมุติเหล่านี้มันก็สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน เพื่อความสุขหรือเพื่อให้มีอะไรแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมาในชีวิตเท่านั้น บางทียิ่งทำก็ยิ่งสิ้นเปลืองเข้าไปอีก สรุปง่ายๆคือว่าตอนนี้ผมมองสิ่งต่างๆที่มนุษย์ได้กำหนดหรือนิยามขึ้นมาว่าเป็นเรื่องสมมติ จบแบบ งง งง
หลายๆคนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งสมุมติ และแน่นอน รวมถึงตัวผมด้วย แต่ผมขอชื่นชมคนที่เขาคิดขึ้นมานี้ฉลาดนะครับ เพราะทำให้คนอื่นยอมรับได้
รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆ เช่น วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อต่างๆ แล้วบางอย่างคนก็ทำๆตามกันมาอย่างไม่มีเหตุผล ตรงนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเดี๋ยวโดนเขาว่าเอา =="
หลังจากเห็นอะไรผ่านมาบ้างในชีวิต ก็ทำให้รู้สึกว่าสิ่งสมมุติเหล่านี้มันก็สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน เพื่อความสุขหรือเพื่อให้มีอะไรแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมาในชีวิตเท่านั้น บางทียิ่งทำก็ยิ่งสิ้นเปลืองเข้าไปอีก สรุปง่ายๆคือว่าตอนนี้ผมมองสิ่งต่างๆที่มนุษย์ได้กำหนดหรือนิยามขึ้นมาว่าเป็นเรื่องสมมติ จบแบบ งง งง
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ทฤษฎีต้นทุนชีวิต
พอดีได้มีโอกาสไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนที่ต่างจังหวัด ก็ถามไถ่ทุกข์สุขกันทั่วไป แต่พอดีก็มีการเข้าประเด็นเกี่ยวกับต้นทุนชีวิต ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
เพราะคนเราแต่ละคนมีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน บางคนเกิดมามีทุนทุกด้าน บางคนมีบ้าง ไม่มีบ้าง หรือแทบจะไม่มีเลย ผมก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่มีต้นทุนชีวิตอยู่ระดับกลาง
บางอย่างมี บางอย่างต้องไขว่ขว้าเอา
พอพูดถึงเรื่องต้นทุนชีวิต มันก็อดคิดโยงกับเรื่องของความสุขไม่ได้ บางคนมีงานทำ มีต้นทุนชีวิตที่ดี แต่กลับไม่มีความสุข แต่กับอีกบางคน ต้นทุนชีวิตแทบไม่มี ต้องตะเกียกตะกายหางานทำ แต่เขากลับมีความสุขกับชีวิตของเขา
แต่บางทีต้นทุนของความสุขก็อาจจะต่างกันด้วยก็ได้ แต่ถึงยังไงก็ขอให้ทุกๆคนมีความสุขในสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันนะครับ
บางสิ่งบางอย่างอาจจะมีเหตุผลในตัวของมันเองก็ได้ มันถึงได้เป็นอย่างนี้
เพราะคนเราแต่ละคนมีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน บางคนเกิดมามีทุนทุกด้าน บางคนมีบ้าง ไม่มีบ้าง หรือแทบจะไม่มีเลย ผมก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่มีต้นทุนชีวิตอยู่ระดับกลาง
บางอย่างมี บางอย่างต้องไขว่ขว้าเอา
พอพูดถึงเรื่องต้นทุนชีวิต มันก็อดคิดโยงกับเรื่องของความสุขไม่ได้ บางคนมีงานทำ มีต้นทุนชีวิตที่ดี แต่กลับไม่มีความสุข แต่กับอีกบางคน ต้นทุนชีวิตแทบไม่มี ต้องตะเกียกตะกายหางานทำ แต่เขากลับมีความสุขกับชีวิตของเขา
แต่บางทีต้นทุนของความสุขก็อาจจะต่างกันด้วยก็ได้ แต่ถึงยังไงก็ขอให้ทุกๆคนมีความสุขในสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันนะครับ
บางสิ่งบางอย่างอาจจะมีเหตุผลในตัวของมันเองก็ได้ มันถึงได้เป็นอย่างนี้
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คุณยาย กับ ลูกอม
หลังจากมีแต่เนื้อหาเรื่องวิชาการมาระดับหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็หามาจาก internet ทั่วไปน่ะแหละครับ
search ไม่นานก็ได้แล้ว ก็เลยคิดจะนำเสนอเนื้อหาแนวอื่นๆบ้าง
เข้าเรื่องดีกว่า บังเอิญไปเทรน basic network แถวๆลาดพร้าว เทรนเสร็จประมาณบ่าง 4 โมง
เราก็มารอรถตู้เพื่อจะกลับบ้านไปรอเตรียมดูบอลโลกระหว่าง เยอรมัน - อุรุกวัย ระหว่างที่เดินไปรอรถ ก็ได้เจอกับ
คุณยายท่านหนึ่งนั่งขายลูกอมอยู่ระหว่างทาง อายุแกก็มากเหมือนกัน แต่เท่าที่ดูคุณยายแกคงไม่เหลือใครที่จะมาดูแล
ท่านเลยต้องมานั่งขายลูกอมเพื่อที่จะนำเงินที่ได้มาปะทังชีวิตในวันต่อไป ซึ่งจากภาพที่เห็นผมต้องยอมรับว่า
ครั้งแรกผมเดินผ่านครับ เพราะส่วนใหญ่ผมจะประมาณว่าอารมณ์สงสาร แต่ไม่เข้าไปช่วยสนับสนุน แต่หลังจากวินาทีนั้นมันเหมือนมีอะไรมาฉุดความคิดผม
ให้ต้องเดินกลับไปช่วยอุดหนุนคุณยายแกหน่อย ก็เลยเข้าไปซื้อลูกอมมาสองห่อ ห่อหนึ่งมีลูกอม 6 เม็ด ราคา 10 บาท ซึ่งผมมองว่า เงินจำนวน 20 บาท
ที่ผมจ่ายไป มันไม่ลำบากสำหรับผมมากนั้น และจำนวนเงิน 20 บาทนั้นมันคงมีค่าสำหรับคุณยายมาก
หลังจากที่ได้ช่วยอุดหนุนคุณยาย มันทำให้ผมมีความสุขเหมือนเราได้ช่วยเหลือสังคม ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งเล็กๆ
สำหรับเรา แล้วสิ่งที่คุณยายทำนั้นมันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป เพราะคุณยายท่านพยายามหาทางเลี้ยงชีพด้วยตนเอง
ถึงแม้จะไม่มีใคร แต่ท่านยังสู้ ความลำบากของผมมันเป็นเพียงเศษเล็กๆของท่านเท่านั้นเอง
บางทีสิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้ มันก็ให้แง่คิดที่มากมายมหาศาลสำหรับผมเหมือนกัน.... ^^
search ไม่นานก็ได้แล้ว ก็เลยคิดจะนำเสนอเนื้อหาแนวอื่นๆบ้าง
เข้าเรื่องดีกว่า บังเอิญไปเทรน basic network แถวๆลาดพร้าว เทรนเสร็จประมาณบ่าง 4 โมง
เราก็มารอรถตู้เพื่อจะกลับบ้านไปรอเตรียมดูบอลโลกระหว่าง เยอรมัน - อุรุกวัย ระหว่างที่เดินไปรอรถ ก็ได้เจอกับ
คุณยายท่านหนึ่งนั่งขายลูกอมอยู่ระหว่างทาง อายุแกก็มากเหมือนกัน แต่เท่าที่ดูคุณยายแกคงไม่เหลือใครที่จะมาดูแล
ท่านเลยต้องมานั่งขายลูกอมเพื่อที่จะนำเงินที่ได้มาปะทังชีวิตในวันต่อไป ซึ่งจากภาพที่เห็นผมต้องยอมรับว่า
ครั้งแรกผมเดินผ่านครับ เพราะส่วนใหญ่ผมจะประมาณว่าอารมณ์สงสาร แต่ไม่เข้าไปช่วยสนับสนุน แต่หลังจากวินาทีนั้นมันเหมือนมีอะไรมาฉุดความคิดผม
ให้ต้องเดินกลับไปช่วยอุดหนุนคุณยายแกหน่อย ก็เลยเข้าไปซื้อลูกอมมาสองห่อ ห่อหนึ่งมีลูกอม 6 เม็ด ราคา 10 บาท ซึ่งผมมองว่า เงินจำนวน 20 บาท
ที่ผมจ่ายไป มันไม่ลำบากสำหรับผมมากนั้น และจำนวนเงิน 20 บาทนั้นมันคงมีค่าสำหรับคุณยายมาก
หลังจากที่ได้ช่วยอุดหนุนคุณยาย มันทำให้ผมมีความสุขเหมือนเราได้ช่วยเหลือสังคม ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งเล็กๆ
สำหรับเรา แล้วสิ่งที่คุณยายทำนั้นมันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป เพราะคุณยายท่านพยายามหาทางเลี้ยงชีพด้วยตนเอง
ถึงแม้จะไม่มีใคร แต่ท่านยังสู้ ความลำบากของผมมันเป็นเพียงเศษเล็กๆของท่านเท่านั้นเอง
บางทีสิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้ มันก็ให้แง่คิดที่มากมายมหาศาลสำหรับผมเหมือนกัน.... ^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)