วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เด็กติดเกมส์

ช่วงเวลาเย็นๆ แล้วเปิดเพลงเย็นๆ หรือเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกดี มันช่างเป็นเวลาที่มีความสุขจริงๆสำหรับผม มันเป็นเวลาที่ความคิดในสมองมีมากมายเหลือเกิน มีเรื่องราวมากมายที่จะเขียนเป็นสมุดบันทึกสักเล่ม แต่.... เวลาเขียนจริงๆ มันกลับไม่รู้จะเขียนอะไรลงไป =="

ช่วงนี้วันหยุดนอกจากจะไปหาเพื่อนๆแล้ว สิ่งที่ทำเป็นประจำก็คือ เล่นเกมส์ ถ้าเกิดคิดเป็นเวลาทั้งหมดที่เล่นเกมส์มานี่คงเสียไปเวลาไปประมาณ 1 ปีได้มั้ง เพราะเท่าที่จำได้ผมเล่นเกมส์ตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ เครื่องเกมที่ได้จับเครื่องแรกน่าจะเป็น super famicom จอยสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปุ่มกด a b สีแดงและสีดำ จำได้ขนาดนั้น ฮ่าๆ เล่นบ่อยๆก็คง contra,mario,เกมส์ต่อสู้ etc. เป็นคนติดเกมส์มากจนต้องแอบขโมยตังค์แม่ไปเล่น กิจวัตรประจำวันก็จะเหมือนเดิมช่วงวันหยุด ตื่นนอน กินข้าวเช้า เล่นเกมส์ เที่ยงกลับมากินข้าว เล่นเกมส์ แล้วก็กลับมาบ้าน บางครั้งแม่ก็มาเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่คนอื่นไม่ให้ลูกเค้ามาเล่นกับเรา เพราะเราติดเกมส์ ซึ่งปกติก็ไม่ได้ชวนใครมาเล่นด้วยอยู่แล้ว สงสัยกลัวลูกเขาเสียคน .

พอโตมาหน่อยก็ถึงยุค play station 1 เล่นตั้งแต่ชั่วโมง 60 บาท ถึง ชั่วโมง 10 บาทปัจจุบัน เฮอๆ สิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดคือ ได้เป็นสมาชิกคนแรกของร้านเกมส์ร้านหนึ่ง ไปทุกวันจนเจ้าของร้านจำหน้าได้ สนิทเลยแหละ จริงๆถ้าเกิดเอาเงินที่เช่าเกมส์มาซื้อเครื่องเกมส์เล่นเองก็คงได้เครื่องเล่นที่บ้านแล้ว พอถึงช่วง ม.ปลายก็ซื้อเครื่องเกมมาเล่นเองที่บ้าน เล่นกับหลาน ก็สนุกดี

ปัจจุบันก็มาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ พ่วงด้วยเล่นแบบออนไลน์ เราก็ยังคงเล่นอยู่ และน่าจะยังคงเล่นมันต่อไป เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราแล้ว....

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยังไม่พ้นขีดอันตราย

อ่านหัวข้อแล้วอย่างเพิ่งตกใจนะครับ มันเป็นแค่ชื่อเพลงของ peacemaker เนื้อหาประมาณว่าผู้ชายคนนึงถูกผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนบอกเลิก หลังจากนั้นน่ะเหรอ ผู้ชายตัดสินใจไปอยู่เวียดนาม เหตุผลน่ะเหรอ ง่ายมากครับ อยากจะหนีไปให้ไกล จากผู้หญิงที่เขาเคยรัก ไม่อยากเจอ ไม่อยากได้ยินเรื่องเขา ผมรับรู้อารมณ์นี้เลย เพราะผมก็เคยเป็นอย่างนี้มาเหมือนกัน เข้าเรื่องเลยดีกว่า

ครั้งแรกก็คือเรียนจบ ป.ตรี แล้วตัดสินใจไปทำงานที่กรุงเทพ เหตุผลคือไม่อยากทำงานใกล้บ้าน ไม่อยากกลับไปเจอคนที่อยู่แถวบ้าน

ครั้งที่สอง เป็นการตัดสินใจที่บ้ามากครั้งนึงในชีวิต เพราะอกหักจากผู้หญิงคนนึงซึ่งเขาเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจอย่างนี้ จากทำงานอยู่กรุงเทพ ผมเลือกที่จะไปให้ไกลกว่าเดิม พอดีเป็นจังหวะที่ถือว่าโชคดีมาก ผมได้ไปทำงานกลางทะเลอ่าวไทย ไกลสมใจมาก ต้องไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่สงขลา ทำอยู่นั่นเป็นเวลา 6 เดือน ไม่ติดต่อใคร เพื่อนไม่รู้ มีแต่แม่ที่รู้ว่าผมไป มันเป็นอะไรที่อาร์ทมากๆ แต่ผมก็ได้ประสบการณ์จากที่นั่นมากมาย ได้เดินทาง ได้เห็นอะไรหลายอย่าง

จนครั้งล่าสุด หรือเปล่า ย้ายมาอยู่โคราช ใกล้บ้านละ เนื่องจากทำใจได้มากขึ้น ทุกอย่างกลับเป็นปกติ พร้อมที่จะยอมรับความเจ็บปวดอีกครั้ง และแล้ว ก็ได้เจอความเจ็บปวดสมใจ ผมชอบคนๆนึง ซึ่งเราก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เขาก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีคนชอบมากมาย ผมก็เคยบอกกับตัวเองหลายครั้งว่าอย่าเข้าไปลึกจนเกินไป แต่อย่างว่า ความรักมันไม่สามารถจะอธิบายได้ด้วยเหตุผลทั้งหมด ผมถลำเข้าไปลึกจนกลับออกมาไม่ได้ และตอนจบของเรื่องน่ะเหรอ ผมก็แห้วเหมือนเดิมแหละครับ แต่มันแปลกตรงที่ว่า ครั้งนี้ ผมรู้สึกว่า มันเป็นการรวมสุดยอดความผิดหวังในความรักทั้งหมดของผม มันเหมือนระเบิดเวลาที่ถึงเวลาที่ต้องระเบิดออกมาแล้ว มันไม่ไหวแล้ว น้ำตามันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกเดิมๆที่สัมผัสได้ เธอไม่ได้คิดกับผมไปมากกว่า "คนรู้จักกัน"

และผมก็ทำเหมือนเดิม เก็บตัวเงียบ และรอ รอเวลาที่ผมจะต้องเดินทางอีกครั้ง ถ้าเป็นไปได้ บอกตรงๆ ผมยังทำใจกับคนๆนี้ไม่ได้ ผมยังชอบเขาอยู่ แต่ก็ต้องพยายามทำตัวให้ห่างจากเธอ เพราะผมกลัวว่าผมจะห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกครั้ง

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ได้เวลา คิดจริง ทำจริง เลิกเพ้อ เลิกงี่เง่า แล้ว!!!!

วันนี้ วันที่ 5 พ.ค. 2554 จะเป็นอีกวันที่จะบันทึกไว้ว่า ผมจะจริงจังกับตัวเองแล้ว จะรักตัวเองบ้างแล้ว หลังจากที่ทำทุกอย่างเพื่ออีกคน โดยไม่เคยเป็นห่วงตัวเองเลย เบื่อที่จะตาม เบื่อที่จะคิดไปเอง เบื่อที่จะคิดมาก ในเรื่องที่มันงี่เง่า เบื่อที่จะเป็น ควายเผือก!!!!!

ตอนนี้เราต้องสร้างเป้าหมายให้ตัวเองบ้างแล้ว ความอดทนบางครั้งมันก็มีวันสิ้นสุดเหมือนกันนะโว๊ย!!!!!!! คอยดูแล้วกัน จะทำให้ได้ภายในอีกห้าปีนี้

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

คนที่ใช่ มักจะมาในเวลาที่ "ใช่"

คิดว่าหลายๆคนพยายามที่จะค้นหาในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันใช่ โดยเฉพาะการที่จะเจอใคร "สักคน" ที่เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป (น้ำเน่ามากมาย XP) ผมเคยคุยกับใครบางคนที่ผมเคยคิดว่าเค้าใช่ แต่.... สุดท้ายเราก็จากกัน เสียใจบ้างอะไรบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

ล่าสุดผมได้คุยกับคนๆนึง บทสรุปอ่ะเหรอ เหมือนเดิมครับ พระเอกแห้ว... แต่มีคำนึงที่เขาได้บอกกับผมไว้ "ผมมาผิดเวลา!!!" มันเป็นคำพูดที่จี๊ดเข้ามาในสมองทันที แล้วก็กลับมานั่งคิดว่าสิ่งที่เขาบอกกับผมนั้น มันผิดจริงๆเหรอ... และแล้วผมก็ได้คำตอบนั้น คือคนเราถ้าเกิดจะหาคำพูดอะไรสักอย่างเพื่อที่จะไม่ขอให้อีกคนมายุ่งหรือวุ่นวายมากกว่านี้ เขาก็พูดได้หมดแหละครับ และวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้โทรศัพท์หาเค้า

หลายๆคนเชื่อในโชคชะตา บลา บลา เกี่ยวกับความรัก ส่วนผมจะพยายามเชื่อว่า สักวัน..... คนที่เขาใช่ จะเข้ามาในเวลาที่........"ใช่" สำหรับผม

ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ และหลายๆคนที่พยายามช่วยเหลือผมในเรื่องความรัก แต่สุดท้าย........ ผมไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ขอโทษด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

Phoenix Reborn !!!

กลับมาอีกแล้วกับผม นานเท่าไหร่แล้วนี่ไม่ได้อัพบล็อก ทำยังกับมีคนมาติดตามฮ่าๆ

ผมชอบตำนานนกฟีนิกซ์ตรงที่ว่ามันเป็นนกที่สามารถชุบชีวิตคนอื่นได้ (อ่านตำราไหนมาไม่รู้) รวมถึงตัวมันเองด้วย ถ้าเกิดเปรียบกับตัวผม ผมชอบที่จะให้กำลังใจคนอื่น อยากทำให้เขาตื่นจากโลกแห่งความฝัน รวมถึงตัวผมเองด้วย มีหลายครั้งที่ตัวผมเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีกำลังใจ ไม่มีทางออก แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เพื่อน,พ่อแม่,ครอบครัว,บทความดีๆตามอินเตอร์เนต

ล่าสุดน่ะเหรอ? ผมไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว ไร้ซึ่งความคิด ซึ่งปัญหามันเกิดจากการที่ผมคาดหวังกับคนๆหนึ่งมากเกินไป จนมันไม่ใช่ตัวของผมเอง ผมแทบจะบ้าตายเพราะใครก็ไม่รู้ที่เราเพิ่งรู้จักกันเพียงแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้ว เหมือนการที่ผมได้เป็นคนใหม่ ผมคนเดิมได้ตายไปหลายรอบแล้ว ทุกครั้งที่ผมเกิดใหม่จะมีบทเรียนที่ต้องจดจำทุกครั้ง และผมจะจดจำมันไว้ตลอดไป

ช่วงนี้อายุใกล้ 25 แล้ว อีกไม่กี่วัน ตื่นเต้นๆๆ ฮ่าๆ ยังไงผมก็จะตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะอะไรไม่รู้ ผมก็อยากรู้เหมือนกันใครเป็นคนที่เริ่มคนแรกว่าอายุ 25 จะเจอเรื่องไม่ดี


มีเรื่องอีกมากมายที่จะเขียน แต่พอได้โอกาสมาเขียนมันก็ไม่รู้จะเริ่มเรื่องไหนดีนี่ แค่นี้ก่อนแล้วกัน... สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทย

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

ปีใหม่อีกแล้ว สวัสดี ปี 2554

เมื่อถึงช่วงปีใหม่ หลายๆคนจะนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง มีความสุข ทุกข์ กับอะไรมาบ้าง และพร้อมที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆกับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

และช่วงปีใหม่เหมือนเป็นวันที่เราจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว ญาติพี่น้องที่บ้าน ซึ่งนานๆทีจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากัน

สำหรับผม ปีใหม่ได้กลับไปเจอเพื่อนๆสมัยมัธยม รู้สึกว่าเวลาทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่เพื่อนๆทุกๆคนยังมีนิสัยสมัยเรียนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก

ปีใหม่ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ผมสนุกมาก เพราะได้นับถอยหลังกับเพื่อนที่บ้าน และได้ทำสถิติใหม่ซึ่งไม่ดีนัก คือกินเหล้าข้ามปี หลังจากเคย นอน เล่นเกมส์ นั่งเล่นกับเพื่อนข้ามปีมาแล้ว สงสัยต้องหาอะไรใหม่ๆทำบ้าง เดี๋ยวเอาเป็นกินข้ามปีดีกว่า

สำหรับปีนี้ มันคงเป็นอีกปีที่ผมต้องเริ่มอะไรใหม่ๆ งานใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ แนวคิดใหม่ๆ

แต่ถึงอย่างไรแล้วปีใหม่นี้ก็อยากเห็นพี่น้องชาวไทยมีความสงบสุขกันทุกๆคน

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรื่องสมมุติ

หลายครั้งที่มานั่งคิดและคุยกับตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่มนุษย์เราได้สมมุติขึ้นมา ผมคิดว่าหลายๆคนคงเคยคิดอย่างผม อย่างเช่นเงินที่เราใช้อยู่ทุกวันเพื่อการแลกเปลี่ยน เป็นสิ่งสมมุติทั้งนั้น

หลายๆคนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งสมุมติ และแน่นอน รวมถึงตัวผมด้วย แต่ผมขอชื่นชมคนที่เขาคิดขึ้นมานี้ฉลาดนะครับ เพราะทำให้คนอื่นยอมรับได้

รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆ เช่น วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อต่างๆ แล้วบางอย่างคนก็ทำๆตามกันมาอย่างไม่มีเหตุผล ตรงนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเดี๋ยวโดนเขาว่าเอา =="

หลังจากเห็นอะไรผ่านมาบ้างในชีวิต ก็ทำให้รู้สึกว่าสิ่งสมมุติเหล่านี้มันก็สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน เพื่อความสุขหรือเพื่อให้มีอะไรแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมาในชีวิตเท่านั้น บางทียิ่งทำก็ยิ่งสิ้นเปลืองเข้าไปอีก สรุปง่ายๆคือว่าตอนนี้ผมมองสิ่งต่างๆที่มนุษย์ได้กำหนดหรือนิยามขึ้นมาว่าเป็นเรื่องสมมติ จบแบบ งง งง